วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่คาดเดายาก

ไม่ใช่ทุกคนจะสมหวัง
...
ชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่คาดเดายาก แม้จะวางแผนไว้ได้ แต่จะได้เดินตามแผนมั้ยก็อีกอย่าง
.
.
วันนั้นเราอาจเจอใครคนนึงที่เหมือนจะแสนดี
แต่มาค้นพบความจริงทีหลังว่าแสนเลวก็ได้
.
.
ถึงเวลานั้น
สิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับชีวิตคือ “สติ” ที่จะนำพาเราออกมาจากปัญหาได้
.
.
อีกอย่าง
อดีตเป็นเรื่องที่ควรเก็บไว้ในใจ เพื่อเป็นบทเรียน
ไม่ควรเอามาเล่าให้ใครฟังหรอก ถ้าเรารู้อยู่ว่าเราไม่ได้ภูมิใจกับมัน เพราะมันจะไม่ดีกับทั้งตัวเรา และคนฟัง...
.
.
แต่ถ้าเล่าไปแล้ว...
ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงนะว่า เค้าจะยังสามารถมองเราแบบเดิมได้อีกหรือไม่
.
.
นั่นแหละ
อดีตของหลายคนคงไม่หอมหวาน
อดีตของเราก็เหมือนกัน
อดีตของเราไม่สวยงาม
มันไม่สมหวัง มันซับซ้อน มันไม่ง่ายดาย
ถึงแม้ในความย่ำแย่นั้นที่มันมีความดีอยู่บ้างเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ลบเลือนความชั่วร้ายออกไปได้เลย
.
.
คงไม่แปลกใช่มั้ยที่เราเป็นกังวลเมื่อโดนถามเรื่องอดีต
ยิ่งนึก มันยิ่งดึงดูดความรู้สึกแง่ลบเข้ามาในความคิด
.
สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือต้องมี “สติ” นำพาตัวเองขึ้นมาให้ได้..อันที่จริง เราไม่ชอบเวลาโดนถามจี้ๆ ลงไปเลย คงเพราะเราเองมีแผลเยอะแต่วันนี้ก็เล่าเรื่องอดีตให้คนๆนึงฟัง เล่าไปทั้งๆที่รู้ว่ามันคงไม่มีผลดีอะไร..แต่มันคือสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปแล้วออกจากปากไปแล้วเท่ากับมันเป็นนายเราแล้ว.ซึ่งที่ตัดสินใจเล่าไป ก็เพราะไว้ใจนะว่ามันจะไม่หลุดรั่วไหลแต่ก็ไม่อาจเป็นที่หวังได้ เพราะมันไม่ได้อยู่แค่กับเราอยู่ดี......
.
ผลของมันจะเป็นยังไง ก็สุดแท้แต่ทัศนคติของเขาและความดีของเราที่ยังพอมีละมั้ง..

ชีวิตต้องดำเนินไปข้างหน้า

✌🏼




“เราจะไม่มีเมื่อวานนี้เราจะมีแต่วันนี้เป็นที่ตั้งเราจะมีพรุ่งนี้เป็นพลังอนาคตหวังยาวยืน”

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2563

Yayee Homemade

 


ช่วงนี้เริ่มหาอะไรทำเป็นธุรกิจเล็กๆ แล้วนะ

เริ่มต้นจากสิ่งที่ชอบ

ก็เป็นเบเกอรี่ และขนมขบเคี้ยว กินเล่นเพลินๆ

ระหว่างทำงาน ขับรถ ดูหนัง เม้ากับเพื่อน

ตอนนี้มีสินค้าอยู่ 2 อย่าง และกำลังทดลองอีก 1 อย่าง


ฝากร้านด้วยนะ

Yayee Homemade ใน Lazada

Yayee Homemade ใน Shopee


หรือแสกน QR Code นี้ จะไปที่ลาซาด้า










วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2563

เรื่องในอดีต

  หลายคนน่าจะมีอดีตที่ลืมไม่ได้
ทั้งเรื่องที่ทำให้ดีใจ และทำให้เสียใจ

เรื่องที่ทำให้ดีใจ ที่คิดถึงครั้งใดก็มีความสุข
มันทำให้หัวใจเราแช่มชื่น
แต่ว่าความรู้สึกสุข มันมักอยู่ในใจเราแค่ผิวเผิน
จกเว้นว่าเราสุขจากภายในของตัวเอง

แต่ความเสียใจนี่สิ
ความรู้สึกมันเข้มข้นกว่าความทุกข์มากมายนัก
เกาะกุมจิตใจเราได้เป็นเวลานาน
ส่วนใหญ่ที่เราเคยเจอ มันสร้างความรู้สึกเสียดาย
ถ้าตอนนั้น....นะ ตอนนี้ก็คงจะดีไปแล้ว...

แต่ถ้าที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เราทำเต็มที่แล้ว
อย่างน้อยครั้งหนึ่งเราได้พยายามอย่างถึงที่สุด
หมดความสามารถที่มี ที่เป็นแล้ว
เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจอะไรเลย
เพราะเราไม่ต้องเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา
ว่าถ้าตอนนั้น....นะ ตอนนี้ก็คงจะดีไปแล้ว

ทางกลับกัน
หลายคนได้รับโอกาสในการแก้ไข
แต่ไม่แก้ไข
แล้วมาคิดได้ในภายหลัง แล้วอยากย้อนกลับมาแก้ไขสิ่งนั้น
ถ้ากับเรื่องทั่วๆ ไปก็คงเข้าใจและรับได้ง่าย
แต่ถ้าเป็นเรื่องความรู้สึกและจิตใจล่ะ
วันเวลาที่ผันผ่าน ทำให้ความรู้สึกมันเปลี่ยนแปลงและจบลงแล้ว
การจะกลับมาแก้ไขอะไรคงไม่ทัน
ทุกอย่างเกิดขั้น ตั้งอยู่ ดับไป
ความรู้สึกก็เช่นกัน

ดังนั้น ถ้าหากรู้ว่าอะไรผิดพลาดไป ก็ควรแก้ไขเสียตอนที่ยังมีโอกาส ก่อนอะไรๆ มันจะสายเกินการ
https://drive.google.com/uc?export=view&id=1T8jY7eYPpemoTUFLz89pXUa9-r_DVhPX

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2563

ความลับ



ก็รู้เป็นไปไม่ได้ มันฝืนในความรู้สึก
ในส่วนลึก ฉันรู้เธอมีเขาอยู่
ก็รู้ในความเป็นจริง แต่ก็ยังจะแอบเฝ้าดู
ทั้งๆ ที่รู้ เป็นได้แค่เพียงเท่านั้น


แค่ชู้ทางใจที่ทำได้ เมื่อหัวใจเธอไม่ให้
จะเก็บไว้ ให้คนที่เธอรักกันมานาน
ก็รู้เป็นเพียงแค่ทางผ่าน ไม่มีวันจะเดินร่วมทาง
เพราะเธอกันฉันเป็นเหมือนดังเส้นขนาน


แอบฝันเล็กๆ ในใจ ไม่ได้มีความหมาย
ให้เราผูกพัน และรักกันไปอย่างนั้น
ผิดที่เราเจอกันช้า...ไป ไม่มีวันจะมารักกัน
เป็นแค่ความลับ ที่ฉันและเธอซ่อนไว้ในใจ


ผิดที่เราไม่ยอมห้ามใจ ไม่จำเป็นต้องไปโทษใคร
เมื่อผลสุดท้าย คนที่ต้องเจ็บคือฉันคนเดียว
แค่ชู้ทางใจที่ทำได้ เมื่อหัวใจเธอไม่ให้
จะเก็บไว้ให้คนที่เธอรักกันมานาน


ก็รู้เป็นเพียงแค่ทางผ่าน ไม่มีวันจะเดินร่วมทาง
เพราะเธอกันฉันเป็นเหมือนดังเส้นขนาน
แอบฝันเล็กๆ ในใจ ไม่ได้มีความหมาย
ให้เราผูกพันและรักกันไปอย่างนั้น


ผิดที่เราเจอกันช้า...ไป ไม่มีวันจะมารักกัน
เป็นแค่ความลับที่ฉันและเธอซ่อนไว้ในใจ
ผิดที่เราไม่ยอมห้ามใจ ไม่จำเป็นต้องไปโทษใคร
เมื่อผลสุดท้าย คนที่ต้องเจ็บ คือฉันคนเดียว


เป็นแค่ความลับที่ฉันและเธอซ่อนไว้ในใจ
ไม่มีใครจะรู้ ได้แต่เก็บเอาไว้ในหัวใจ
เมื่อผลสุดท้าย คนที่ต้องเจ็บ คือฉันคนเดียว




==========



ฟังแล้วแอบน้ำตาไหลเหมือนกันนะ

มันผิดที่เราเจอกันช้าไป


ก็ได้แต่หวังว่า เราจะสมหวังในความรักในสักวัน...


เช็ดน้ำตาแล้วไปถูบ้านละ

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2563

อีกตามเคย

...บ่อยครั้งที่อะไรๆไม่เป็นไปดั่งใจ
บ่อยครั้งที่เดาอะไรแล้วถูก(ในแง่ลบ)
พอเจอหลายๆครั้งเข้า มันก็หัวเสียได้ง่ายขึ้น
ดุจเดียวกับที่เราเก่งขึ้นแหละ
- เก่งขึ้น (ด้านบวก) จะผ่านอะไรยากๆ ได้ง่ายขึ้น
- ขี้หงุดหงิดขึ้น (ด้านลบ) มันมาจากการที่เจอเรื่องหัวเสียซ้ำๆ
โดยเฉพาะการได้รับคำมั่นสัญญาแล้วแต่ไม่ได้รับการปฏิบัติตามที่พูด มันอาจจะน่าฟังในเวลานั้นนะ แต่มันก็สร้างความหวังอยู่ลึกๆ


เราว่า ในโลกนี้คงไม่มีใครชอบคนที่ไม่รักษาคำพูด
แต่อันที่จริง ไม่ว่าจะจำเป็นหรือตั้งใจ
เราไม่ควรพูดให้ความหวังกันมากกว่า


พอเจอแบบเดิมหลายๆครั้งเข้า มันก็จะทำให้เดาตอนจบออกได้ไม่ยาก เพราะมันก็ไม่หนีจากเดิมนัก


ใจเราอยากให้ตอนจบที่เดาเอาไว้มันไม่ถูกบ้าง...
อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นด้านที่ดีๆ บ้าง
อยากสัมผัสความรู้สึกดีๆ บ้าง
แต่วันนี้ ก็เดาถูก

“อีกตามเคย”



.

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2563

เก่งขึ้น

 คนเราจะเก่งขึ้นด้วยอะไร?

แน่นอนแหละว่าการเรียนหนังสือ
การพัฒนาตัวเองด้วยการศึกษา
เป็นสิ่งที่ทำให้เก่งขึ้นแน่ๆ (ถ้าตั้งใจนะ)



แต่มันจะมีอีกอย่าง ที่มาบังคับให้เราเก่งขึ้น
แบบภาคบังคับนะ ไม่ใช่สมัครใจเหมือนการศึกษา

นั่นก็คือ



  "ประสบการณ์"


ประสบการณ์แบบที่เข้ามาในชีวิต
แล้วเราจำเป็นต้องผ่านมันไปให้ได้นั่นแหละ



เคยได้ยินมาตลอดว่า
ประสบการณ์จากสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
คือบทเรียนของเรา



ซึ่งก็ไม่เคยเข้าใจถ่องแท้จนกระทั่งถึงวันนี้

วันที่เข้าใจมันจริงๆ เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
เป็นบททดสอบของเราหลายๆ ด้าน
ทั้งร่างกาย จิตใจ สมอง



เหมือนวลีที่เค้าพูดกันว่า "ท้อเป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร"



คือจริงๆ แล้วอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามามันก็ไม่ได้ทำให้เราเป็นเพชรขนาดนั้น เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่ เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้ ไง มันยังมีวันต่อๆ ไปอีก
และจะเจอสิ่งที่ยากขึ้นไปอีก



และถ้าเราเจออุปสรรคแบบที่เราเคยเจอในทำนองเดียวกันมาแล้ว
เราจะผ่านมันไปได้ง่ายขึ้น

อุปมาอุปไมยกับการเรียนละกัน จะได้เห็นภาพง่ายๆ
ตอนเรียน ม.ต้น ก็คิดว่าบทเรียนตรีโกณมิติในวิชาเลขแม่งยากเชรี่ยๆแล้ว
แต่พอมาเรียนม.ปลาย นอกจากวิชาเลข ยังมีฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ที่ยากกว่าไปมากกก ทำให้เรามองวิชาเลขตอน ม.ต้น ง่ายไปเลย 5555



แต่สิ่งที่พูดถึงในบล็อกนี้คือ อุปสรรคของชีวิตจริง
มันคือของจริง ที่เข้ามาทดสอบเรา



ถ้าเราเจออุปสรรค ความยากที่เข้ามาทดสอบเรา
แล้วเราผ่านได้ น่าจะแสดงว่าเรา level up อีกขั้น

ก่อนจะถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกคนล้วนเปียกปอน

คนที่สำเร็จ ก็ต้องเจออุปสรรคกันมาทั้งนั้น




====ประสบการณ์ของเราในวันนี้====


วันนี้เราทำงานในสิ่งที่เป็นงานของคนเก่า แบบเก่ามากๆ
ซึ่งมันค้างมานานมากแล้ว รับสารภาพเลยนะว่าตอนรับมาทำนั้นกระอักกระอ่วนมาก

รู้สึกโดดเดี่ยว เคว้งคว้าง ท้อแท้ และเสียน้ำตาให้มันเยอะเหมือนกัน
เพราะคิดแต่ว่ามันเป็นงานกลุ่ม แต่เราต้องมาเป็นคนแบก คนทำอยู่คนเดียว ไม่ยุติธรรมเลย



แต่วันนี้ เรากัดฟันทำพาร์ทที่หนักอึ้งที่สุดในใจเราได้แล้ว
เราทำมันได้สำเร็จ สำเร็จแบบสวยงามด้วย

คือที่จริง ถ้าเรายอมทำแต่แรกอะมันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก



เราปรับทัศนคติของตัวเอง
ก็เลยรู้ว่า ที่จริงคนอื่นๆ ก็คอยเอาใจช่วย คอยถามไถ่ คอยเป็นห่วง
วันนี้เค้าทั้งหลายก็มาช่วยเรา ก็ช่วยตั้งแต่ต้นจนจบเลยล่ะ อุ่นใจมาก 5555



แต่สิ่งที่รั้งเราไว้ไม่ให้ทำสักทีก็คือความกังวลของเราเองนี่แหละ
มันสร้างความรู้สึกที่แย่มากนะ
และมันก็เป็นอุปสรรคที่ขัดขวางความสำเร็จจริงๆ ด้วย



ในวันนี้เราทำมันได้แล้ว เราก้าวผ่านอุปสรรคคือใจของเรา
เราสามารถผ่านมันไปได้

ประสบการณ์ตรงนี้แหละ มันจะทำให้เราเก่งขึ้น



ยิ้มภูมิใจตบมือให้ตัวเอง
เก่งมากๆ เลยนะ

"คนเก่งของฉัน"








ต่างมุมมอง

ตั้งแต่มีเรื่องเรื้อรังกลางกรุงเทพฯ

ก็ทำให้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น



เป็นต้นว่า
ได้คุยกับคนที่มองต่างมุม

มันทำให้รู้สึกขุ่นๆ ในใจ
และไม่สามารถทำอะไรให้คนเหล่านั้นหันมามองมุมของเรา
ซึ่งเราได้คิดแล้วว่ามันถูกต้อง....

ถามว่า ถ้าคนเหล่านั้นมองเรา
เค้าก็คงคิดเหมือนเราเหมือนกัน....
เค้าก็คงรู้สึกขุ่นๆ ในใจ
และไม่สามารถทำอะไรให้เรา หันไปมองในมุมของเค้า
ซึ่งเค้าได้คิดแล้วว่ามันถูกต้อง....


ตามหลักจิตวิทยา
ข่าวแรกที่ได้ยิน หรือสิ่งแรกที่ได้ฟัง
จะฝังใจมากที่สุด....

ตัวอย่างเช่น เด็กที่ไปโรงเรียนอนุบาล
พอคุยกับเพื่อน แล้วเพื่อนพูดเรื่องอะไรที่ตัวเองไม่เคยได้ยินขึ้นมา
ก็จะจำฝังใจ
แล้วกลับบ้านมาถามแม่ พอแม่บอกว่าไม่ใช่
ก็จะเถียง
จนกว่าจะพิสูจน์ได้เอง
ถึงจะเชื่อแม่.....


ตอนนี้ก็เหมือนกัน

ทุกฝ่ายต่างประโคมข่าวให้ฝ่ายตรงข้ามตกเป็นจำเลย
เค้าโครงความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่สน
แต่เล่นข่าวอย่างเดียว
( IO : Informaition Operation)
เป็นวิธีของการทำให้ข่าวสะพัด


จนกว่าจะมีข่าวอีกอย่าง ที่มันมาชนกัน เราถึงรู้

ตัวอย่างเช่น เมื่อวาน
มีข่าวว่าแกนนำม็อบถูกจับตัวได้แล้วเอาขึ้น ฮ. ไปสอบสวนแถบชายแดนฯ  แหล่งข่าว ข.
อีกข่าว มาอีกทาง ก็แจ้งว่า แกนนำม็อบ ป่วยหนัก ต้องหามส่งโรงพยาบาลฯ  แหล่งข่าว ข. เหมือนกัน

เหล่านี้ สื่ออะไร
ข่าวทั้งสองข่าวนี้ไม่มีความจริงเลย
แกนนำยังออกมาเย้วๆ ได้เหมือนเดิม ด่าฝ่ายตรงข้ามได้เหมือนเดิม
ไม่เห็นมีทีท่าความกลัวหรือทีท่าอิดโรย ป่วย แต่อย่างใด



อยากบอกทุกท่านได้รู้ว่า
การใช้ IO สามารถใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ

ประชาชนที่หลงเชื่อข่าว ก็หน้ามืดตามัว
ม็อบอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ







บล็อกนี้อาจโพสต์แรง
หากแต่อยากจะเตือนสติ
กลับมารักกันได้ไหมคนไทย

และขอให้เข้าใจการทำงานของตำรวจด้วย
พลีสสสส




........แกะน้อยตัวจ้อยๆ อยากสอยดาว

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563

คนขี้แพ้




หลายสิ่งในชีวิต ไม่ได้เหมาะกับเราหรอก
เรามีหัวใจที่เราต้องดูแล
หากแต่บางสิ่งก็ต้องอดทนเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ

สิ่งที่เราต้องกล้ำกลืนฝืนทน
คงเป็นสัญญาณว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับเรา
เมื่อมันทำให้เราเจ็บช้ำ
คงไม่ผิดที่เราจะถอดใจ

แล้วถ้ามันไม่มีจุดหมายปลายทางล่ะ
เราจะอดทนกับมันไปทำไมกัน
การที่เรารู้ว่ามันไม่ใช่
นั่นแสดงว่าเราได้สัมผัสกับมันมาแล้ว
และทราบด้วยว่าทำไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา



##ความรักก็เช่นกัน##
คนบางคนเช่นฉัน ก็เป็นไอ้ขี้แพ้ในความสัมพันธ์
นิดๆ หน่อยๆ ก็ถอดใจ
ฉันมักเชื่อหัวใจดัวเอง ว่าสิ่งที่ดีกับเรา ก็คงไม่ทำให้เราเจ็บปวด
หัวใจของฉันเจ็บมาหลายครั้ง
ถึงขั้นคิดว่าจะไม่รักใครอีก

หลายๆ คนเข้ามาเพื่อให้หัวใจชุ่มชื่นเพียงชั่วคราว
และเป็นเพราะฉันเองที่กลัว กลัวว่าถ้ารักไปแล้วจะเจ็บซ้ำอีก
ฉันไม่อยากให้ตัวเองต้องไปอยู่จุดที่ทนดูไม่ได้อีกแล้ว
ฉันไม่กล้าเอาหัวใจของฉันไปเสี่ยงกับความรักอีก
แต่สุดท้าย ก็มานั่นพร่ำเพ้อว่าทำไมไม่มีใครรักฉันจริง

ทุกครั้งที่ฉันรักใคร
ฉันจะทุ่มเทใจไปให้เต็มที่
แต่เมื่อเขาไม่ได้ดูแลใจของฉันเท่าที่ฉันต้องการ
ฉันจะเริ่มถอดใจ
ความรักของฉันที่มีให้เขาจะเริ่มลดลง
สุดท้ายก็จากกันในที่สุด


ที่แท้ ความผิดหวังที่ผ่านๆมา เป็นฉันเองที่ขี้แพ้ ไม่กล้าเสี่ยงเอง....




https://drive.google.com/uc?export=view&id=1dsisnluv33iX9QO7x__sXnTyzvIag6Jt




แต่ที่จริง ระหว่างรักตัวเอง กับขี้แพ้ มีเส้นบางๆ กั้นอยู่นะ

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ปีศาจที่ซ่อนอยู่


https://drive.google.com/uc?export=view&id=1vBPi0Y5_2hikToxTDRG-5WcAciFXD73S

เราทุกคนมีด้านสว่างที่แสดงออกให้โลกภายนอกได้รับรู้ และแน่นอน ย่อมมีด้านมืดที่กดเก็บมันเอาไว้ในก้นบึ้งของจิตใจ

ยามใดที่ความมืดมิดนั้นเริ่มแผลงฤทธิ์
มันมักจะพาเรื่องแย่ๆอีกมากมายมาเป็นเพื่อนกับมัน

ลองย้อนนึกดู
เวลาที่เรารู้สึกเหนื่อย ท้อ เศร้าหมอง มืดมน
เมื่อถึงจุดหนึ่ง เรามักจะเจอกับประสบการณ์อะไรแปลกๆ หนักๆ แย่ๆ หลายๆ อย่างมาพร้อมๆ กัน ที่ชวนให้คิดว่า เจ้ากรรมนายเวรกำลังตามเราแน่ๆ

แต่ลืมดูที่ใจของเราเองว่า ที่จริงแล้ว เรานี่แหละที่เป็นคนใช้จิตที่มีความคิดด้านลบดึงเรื่องร้ายๆต่างๆ เข้ามาหาตัวเอง

“เพราะใจมันไม่ดี ดวงเลยไม่ดี
ที่ดวงดี เพราะใจมันดี”
ใครสักคนได้กล่าวไว้

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่นึกได้ระหว่างทำแผลที่เดินสะดุดจนหกล้มเมื่อวันก่อน
ย้อนไปก่อนจะล้ม
6 วัน ทะเลาะกับน้องครั้งใหญ่ และเสียใจมาก
5 วัน ขับรถกลับบ้านตอนกลางคืน รถปีนแบริเออร์แรงมากเสียงดังมาก แต่ไม่เป็นไรยังวิ่งต่อได้
3 วัน พบว่ายางแบนและแก้มยางรถยนต์บวม เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากๆ
2 วัน เสียเงิน เปลี่ยนยางรถ ส่วนจิตใจเริ่มดีขึ้นแล้วแต่ร่างกายไม่เอาด้วย
1 วันก่อนหน้าจะล้มก็เครียดจนอาเจียนไม่หยุด แต่ก็ต้องหอบสังขารไปทำงาน ตอนค่ำสะดุดท่อแล้วครั้งนึงแต่ไม่ล้ม
ในวันนั้นวันที่ล้ม เข้าเวร มีงานเข้ามาเยอะมากจนสับสนว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง
ตกเย็นจะรีบไปงานศพ ก็ล้มจับกบตอนจะข้ามถนนไปขึ้นรถนั่นเอง เดชะบุญรถที่กำลังมาเค้าชะลอให้

นี่คือตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมว่า เมื่อใจเราไม่ดี ดวงเราก็เลยไม่ดี เหมือนปีศาจที่แอบอยู่ บางคนก็บอกว่าเจ้ากรรมนายเวรเค้ามาตาม ซึ่งจริงๆแล้วเรานี่แหละ เป็นคนเรียกเรื่องแย่ๆมาด้วยพลังของจิต ยิ่งเข้มข้นมาก ก็ยิ่งประดังเข้ามามาก

ความคิดของเรามีแรงดึงดูด
ถ้าเราคิดบวกได้ เราก็คงจะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา แต่ชีวิตเราต้องเจอทั้งเรื่องแย่และเรื่องดีไง ถึงจะเรียกว่าชีวิต

ไม่หวังว่าจะไม่เจอทุกข์
แต่หวังว่าจะมีสติ และเข้มแข็งนานพอที่จะเห็นความทุกข์หายไป

เป็นกำลังใจให้ตัวเอง. ✌🏼




..ในรูปคือแผลที่ล้มที่กล่าวถึงไป วันนี้วันที่ 3 แล้ว เหมือนปีศาจตาเดียวกำลังสะแหยะยิ้มไหม
.. แต่หลังจากล้มก็ทำให้คิดได้หลายอย่าง กรรมก็ส่วนหนึ่ง พลังของจิตก็ส่วนหนึ่ง อาจแสดงผลรวมกันหรือแยกกันก็ได้ แต่มักเห็นชัดเวลารวมกันมากกว่า ..


วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ทำตัวยุ่งๆ

ทำตัวยุ่งๆ วันนี้ไม่ใช่ทำตัวยุ่งเรื่องชาวบ้านนะ 55
แต่หมายถึงว่า เราควรหาอะไรทำเยอะๆ
ก่อนที่จิตใจจะห่อเหี่ยว ไม่อยากทำอะไรแม้แต่หายใจ

สังเกตมั้ยว่าเวลาเราทำอะไรเยอะๆ
มันมีพลังทำนั่นทำนี่เยอะแยะไปหมด
อยากทำไปทุกอย่าง จนบางทีก็ยอมอดนอนเพื่อทำสิ่งเหล่านั้น
แต่เมื่อใดก็ตามที่หยุดทำอะไร แล้วมีอะไรให้ทำน้อยลง
มันทำให้เราเหมือนหมดพลังชีวิต
แค่มีชีวิตจากบุญเก่าที่คอยเป็นกำลังให้เราหายใจเข้าออกในแต่ละวัน
ไม่อยากทำอะไรแม้กระทั่งเก็บกวาดบ้านเรือน
ให้อาหารแมว
อยากแต่จะนอน  นอนเหมือนตายจนบางทีเจ้าแมวมาร้องเรียก มางับๆที่มือเพื่อปลุก และอาจสงสัยว่าทาสตายรึยัง

เราต้องเตือนตัวเองให้ตื่นตัวมากกว่านี้
จะได้เป็นพลังในการสู้ต่อไป
และจะได้มีแพชชั่นทำอะไรเยอะๆ
ตอนนี้อยากแต่นอนกับนอน กินยังไม่อยากกินเลย ฮ่าๆ

ต้องทำตัวยุ่งๆ หาอะไรทำเยอะๆ
เดี๋ยวความอยากทำงานก็คงมาเอง

“ไขลานตัวเองหน่อย”

เห็นต่าง

ทุกคนมีสมองเป็นของตัวเอง มีความคิด มีอุปนิสัยของตัวเอง
ต่างคนเลือกจะแสดงออกต่างกัน อาจด้วยเหตุผลของบริบทที่ต้องรักษา และเหตุผลของตน
คงจะไม่มีใครมาคิดแทนใครได้

ในวันที่มีการแสดงออกของประชาชนแบบนี้
ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

บอกว่ารับฟังความเห็นที่แตกต่าง
แต่พอมีคนที่เห็นต่างมาพูด ก็กลับด่าเขา
งงมั้ย

แต่เราก็ไม่เห็นต้องด่าใครที่เค้าคิดหรือแสดงออกไม่เหมือนเราเลยหนิ
ไม่เห็นจำเป็นว่าเราต้องออกมาด่าทุกคนที่เกลียดเลยนะ บางที สิ่งเหล่านี้เก็บไว้ในใจบ้างก็ได้ จะได้ไม่เป็น Toxic กับคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในครอบครัว ถ้าพูดความเห็นกัน แล้วมีฝ่ายที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผลของอีกฝ่ายตัดสินกันไปมา อาจถึงขั้นแตกหักก็ได้

การเลือกที่จะแสดงออกหรือไม่เป็นเรื่องของบริบท

การแสดงออกเป็นสิทธิเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ กระทำได้ตราบเท่าที่ไม่กระทบสิทธิของผู้อื่น

ไม่ได้แสดงความคิดเห็น ไม่ใช่ไม่มีความคิดเห็น
ไม่ได้พูดออกไป ไม่ใช่ว่าไม่คิด
ไม่ได้ไปม็อบ ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากไป
ไม่ได้บอกว่าเกลียด ก็ไม่ใช่ว่าไม่เกลียด
และอย่าตัดสินคนอื่นถ้าเห็นแค่เสี้ยวเล็กๆ เสี้ยวหนึ่งของชีวิตเค้า

ขอบอกอีกอย่าง ในโลกนี้ไม่มีใครดี100% และเช่นกัน ไม่มีใครเลว 100%

หลายๆ คน มันมีภาระ มันมีอะไรที่สำคัญกว่าความสะใจชั่วครั้ง แต่ชิงชังชั่วโคตร อีกเยอะ

บอกแล้ว คิดแทนกันไม่ได้หรอก
ยกเว้นเพื่อนตดเหม็นแล้วบอกว่าแบบนี้เมิงไปห้องน้ำเถอะ เออนี่คิดแทนได้ ไม่ผิด 555

https://drive.google.com/uc?export=view&id=1enfM7E3PEWyyLNDUkRxXLbYPcebocULh

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2563

อำนาจเงิน

 คงมีหลายครั้งที่คนเรารู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ หรือเกิดความทุกข์เพราะ
เงิน

เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ในการดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้
เราทุกคนต้องการมัน
เพราะบริบทของสังคมและการใช้ชีวิตไม่ได้เหมือนแต่ก่อน 
เราส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสังคมเมืองทำงานนอกบ้าน
ไม่ได้เพาะปลูกหรือไปหาปลาเหมือนสมัยตาอินกะตานาแล้ว
และแม้คนในชนบทเอง ก็ไม่ได้ปลูกทุกอย่างที่กิน
เรายังต้องมีเงินเพื่อซื้อสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกอยู่ดี

"เงิน" จึงเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน
แต่ทว่าการทำงานมากเกินไปก็ส่งผลเสียหลายต่อหลายอย่าง 
ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพกาย สุขภาพจิตหรือแม้กระทั่งสุขภาพของความสัมพันธ์

คนบางคนทุ่มเททำงานหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน
แต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คนที่เขาเคยบอกให้คอยไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว 
เพราะมัวแต่หาเงิน แต่ไม่ได้ดูแลรักษาหัวใจของคนที่อยู่ข้างหลัง
ดึกเที่ยงค่ำเช้า ก็ออกไปหาแต่เงิน
ไม่มีเวลาแม้เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์
เพื่อไปท่องเที่ยว พูดคุย ทำความรู้จัก สร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน

เราทั้งหลายควรจัดความสมดุลของชีวิตให้ได้
ไม่ใช่เอาแต่ทำงานทำเงิน จนหลงลืมคนที่อยู่ข้างหลังไป
ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตลำพัง เหมือนไม่มีคุณ
เพราะเขาก็ต้องการคุณเหมือนที่คุณต้องการเงิน....

อย่าปล่อยให้ใครต้องเหงา เพราะคุณเอาแต่หาเงินเลยนะ



##สำหรับฉันในวันนี้##

เมื่อฉันอยากเจอเขา แต่เขาอยากเจอเงิน
แค่นี้ฉันก็พูดไม่ออกแล้ว

ยอมอึดอัดใจเพื่อรักษากันไว้ อาจจะดีกว่ามาทะเลาะกัน(หรือเปล่านะ)
เกิดคำถามขึ้นมาอีกแล้ว
ในขณะทึ่ฉันกำลังสับสน ฉันก็ได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้นะ อย่าร้องไห้อีกเลยนะ ฉันลูบหัวตัวเอง ปลอบใจตัวเอง ว่าไม่ต้องอิจฉาเงินหรอกที่เขาอยากไปหามากกว่า

หากเธอผ่านมาเห็น ก็อยากให้รู้ว่าฉันอยู่ได้
หมายถึง ไม่มีเธอหน่ะ ฉันอยู่ได้