เราเคยแนะนำตัวไปแล้วเนาะ
ชื่อบล็อกเดิมชื่อ De pluie ที่มาจากคำแปลของชื่อเล่นเราเองในภาษาฝรั่งเศส
เรายังชอบและอยากไปฝรั่งเศสเหมือนเดิมนะ
แต่ที่เปลี่ยนเพราะ
ค่อนข้างออกเสียงยากสำหรับคนไทย แล้วก็ไม่ติดหู (กะให้ดังว่างั้น คริๆ)
เลยเปลี่ยนเป็น MOYAMOYA
ที่มาของคำแปลกๆ (นามนี้ก็ต้องมีที่มาอีกแล้ว)
ท้าวความตั้งแต่เริ่มเลยนะ
แต่ที่เปลี่ยนเพราะ
ค่อนข้างออกเสียงยากสำหรับคนไทย แล้วก็ไม่ติดหู (กะให้ดังว่างั้น คริๆ)
เลยเปลี่ยนเป็น MOYAMOYA
ที่มาของคำแปลกๆ (นามนี้ก็ต้องมีที่มาอีกแล้ว)
ท้าวความตั้งแต่เริ่มเลยนะ
คือตอนเราเรียนอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปี 3 (พ.ศ.2554)
กิจกรรมต่อมา นั่งเครื่องบินไปเชียงใหม่ พอถึงเราก็ไปดูงานที่ฟาร์มหมูครบวงจร ที่ลำพูน
เค้าเลี้ยงหมูอย่างเยอะมากๆ แต่ฟาร์มสะอาดมากๆ ต้องใส่ชุดกันเชื้อย่ำน้ำยาก่อนเข้าข้างใน คือสะอาดสุด
ที่นี่เค้าเป็นฟาร์มที่รับลูกหมูมาเลี้ยงสำหรับขายเป็นเนื้อ ในนี้มีหมูเป็นแสนตัว
อาจารย์พงษ์สันต์ คงตรีแก้ว แกมีคอนเน็คชั่นกับจุฬาฯ ทำให้พอมีกิจกรรมอะไรก็มักมีโอกาสมาถึง นรต.เสมอ
คราวนี้ก็เช่นกัน อาจารย์ได้มาคัดเลือก นรต.จำนวน 5 คน เป็นตัวแทนโรงเรียน เราเป็นหนึ่งในนั้นด้วย :)
เพื่อไปทำกิจกรรมกับ จุฬาฯ ซึ่งมี MOU กับ Keio University จากประเทศญี่ปุ่น
กล่าวคือ คณะเค้าเรียนเรื่องเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน จึงกำหนดหลักสูตรให้คล้ายกัน
แล้วก็มีการแลกเปลี่ยนดูงานระหว่างประเทศ
กล่าวคือ คณะเค้าเรียนเรื่องเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน จึงกำหนดหลักสูตรให้คล้ายกัน
แล้วก็มีการแลกเปลี่ยนดูงานระหว่างประเทศ
ช่วงนั้นเลยมีนักศึกษาของ Keio U. พร้อมอาจารย์ มาดูงานที่ไทย ประมาณ 1 สัปดาห์
เราเลยได้มีเพื่อนชาวญี่ปุ่น 30 คน
ตอนนั้นก็มีกิจกรรมหลายๆ อย่าง
ตั้งแต่งานต้อนรับที่จุฬาฯ เป็นเจ้าภาพ แล้วให้นักศึกษา Keio ไปพักกับครอบครัวของนิสิตจุฬาฯในคณะ
ตอนนั้นก็มีกิจกรรมหลายๆ อย่าง
ตั้งแต่งานต้อนรับที่จุฬาฯ เป็นเจ้าภาพ แล้วให้นักศึกษา Keio ไปพักกับครอบครัวของนิสิตจุฬาฯในคณะ
ลักษณะแบบเป็นโฮสต์ พาไปเที่ยว พาไปกิน พาไปรู้จักเมืองไทย
ถัดมา ก็มีการนำเสนอผลงานการศึกษาของนักศึกษา Keio กับ จุฬาฯ ที่เค้าได้ค้นคว้ามา
ถัดมา ก็มีการนำเสนอผลงานการศึกษาของนักศึกษา Keio กับ จุฬาฯ ที่เค้าได้ค้นคว้ามา
ส่วนเรา ตอนนั้นไปนั่งฟังอยู่ด้วย ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก5555
ซึ่งตอนนั้น ตำรวจแต่เครื่องแบบไปนั่งฟังอยู่ด้วยตลอด หากไม่ให้พูดอะไรซักหน่อยคงไม่งาม
เราเพิ่งรู้ว่าจะต้องพรีเซ้นต์ด้วย ไม่เกิน 1 วันก่อนที่จะพรีเซ้นต์ O.oll
แต่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้
แม้ไม่ได้เรียนเศรษฐศาสตร์โดยตรง แต่เรามีทีมโครงการ SIFE RPCA ร่วมในคณะตั้งหลายคน
แถมด้วยหลักสูตร การฝึกร่ม ที่เราเพิ่งผ่านมาสดๆ หน้ายังดำอยู่เลย55555
แม้ไม่ได้เรียนเศรษฐศาสตร์โดยตรง แต่เรามีทีมโครงการ SIFE RPCA ร่วมในคณะตั้งหลายคน
SIFE (Students in Free Entrepreneur) คร่าวๆ คือ เป็นโครงการที่มีการแข่งขันระดับโลก โดยแต่ละประเทศที่เข้าร่วม จะเปิดการประกวดโครงการ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาระดับอุดมศึกษาคิดโครงการขึ้น ในประเทศไทย จะมีมูลนิธิรากแก้ว เป็นผู้ประสานงาน มีงบประมาณเริ่มต้นให้ แล้วให้นักศึกษานำความรู้ที่มี ไปสร้างความมั่นคง สร้างรายได้ ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน (ค่อยเล่าต่อมันยาวกว่าบล็อกนี้อีก) แต่หากใจร้อน แนะนำให้ไปหาจากกูเกิ้ล ตอนนี้เค้าเปลี่ยนชื่อเป็น Enactus แล้วนะพวกเราเลยนำเสนอโครงการที่เราทำไปประกวด
แถมด้วยหลักสูตร การฝึกร่ม ที่เราเพิ่งผ่านมาสดๆ หน้ายังดำอยู่เลย55555
ก็ทำคลิปสั้นๆ บวกการบรรยายภาคภาษาฝรั่ง พูดจนเมื่อยมืออ่ะ
และเรื่อง AEC ตอนนั้นเพื่อนบอกก็ไม่เข้าใจเลย งงมากๆ เพื่อนไปเอามาจากไหน (ตอนนี้รู้แล้วนะ5555)
ทีมคุณภาพ
นี่ก็เป็นคลิปที่เราทำ 1 คืนก่อนพรีเซนต์ สนุกๆ ขำๆ ให้เพื่อนชาวญี่ปุ่นดู
ก็เลยถือโอกาสอัพยูทูป ดีใจนะ มียอดวิวเยอะ อิอิ
เค้าเลี้ยงหมูอย่างเยอะมากๆ แต่ฟาร์มสะอาดมากๆ ต้องใส่ชุดกันเชื้อย่ำน้ำยาก่อนเข้าข้างใน คือสะอาดสุด
ที่นี่เค้าเป็นฟาร์มที่รับลูกหมูมาเลี้ยงสำหรับขายเป็นเนื้อ ในนี้มีหมูเป็นแสนตัว
พอสัตว์เยอะ ของเสียก็เยอะ ที่นี่ก็เลยเป็นที่ทำการศึกษาเรื่องแก๊สมูลสัตว์
โดยเอาอุนจิหมูไปหมัก จนได้เป็นแก๊สเชื้อเพลิง ใช้ในฟาร์มและหมู่บ้านใกล้เคียง
แล้วกากที่เหลือ เค้าก็เอาไปทำปุ๋ยชีวภาพใช้เอง แล้วยังขายได้อีก ได้ประโยชน์เน้นๆ
ตกกลางคืน ไปกิ๋นข้าวแลงแบบขันโตก
ไปเดินไนท์พลาซ่า ฯลฯ
ก่อนกลับ เราก็ได้ซื้อของที่ระลึกแจกให้กับทุกคนที่มาร่วมทริป ยกเว้นพวกกันเอง
Seto (เพื่อนชาวญี่ปุ่น)เค้าบอกว่า ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า การที่เพื่อนให้สร้อยข้อมือเป็นการแสดงว่า เราชอบพวกเค้า
และขอเป็นเพื่อนกับพวกเค้าตลอดไป แต่เราไม่รู้มาก่อน โชคดีหรือบังเอิญก็ไม่รู้นะ 5555
พอเช้าก็ไปดูช้าง
ช้างที่นั่นเก่งนะ วาดรูปได้ด้วย
ตอนจะกลับ ก็ไปสักการะ ไหว้พระธาตุดอยสุเทพ
ดูสาธิตการเจียระไนพลอย
ละก็แวะทานอาหารไทยที่โรงแรม
เพื่อนชาวญี่ปุ่นน่ารักทุกคนเลยนะ
จากทริปนี้ เราได้เพื่อนใหม่
ทุกวันนี้ยังใช้เฟสบุ้คในการติดต่อกันอยู่^^
แล้วกากที่เหลือ เค้าก็เอาไปทำปุ๋ยชีวภาพใช้เอง แล้วยังขายได้อีก ได้ประโยชน์เน้นๆ

คิดถึงตอนนั้นจัง สนุกดี ฮ่าๆๆ
แล้วนี่ผู้จัดการฟาร์ม ชื่อพี่อู๋ น่าร้ากกกอ้ะ
เกือบใช่ชายในสเป็คตอนนั้นละ เจ้จิเป็นลม แอร๊กกก >//<
ได้ Whatsapp มาด้วยแหละ แต่ไม่กล้าทัก 55555
ตกกลางคืน ไปกิ๋นข้าวแลงแบบขันโตก
ไปเดินไนท์พลาซ่า ฯลฯ
ก่อนกลับ เราก็ได้ซื้อของที่ระลึกแจกให้กับทุกคนที่มาร่วมทริป ยกเว้นพวกกันเอง
Seto (เพื่อนชาวญี่ปุ่น)เค้าบอกว่า ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า การที่เพื่อนให้สร้อยข้อมือเป็นการแสดงว่า เราชอบพวกเค้า
และขอเป็นเพื่อนกับพวกเค้าตลอดไป แต่เราไม่รู้มาก่อน โชคดีหรือบังเอิญก็ไม่รู้นะ 5555
เค้าคงประทับใจเราเนอะ เหรออออ
พอเช้าก็ไปดูช้าง
ช้างที่นั่นเก่งนะ วาดรูปได้ด้วย
ในรูปนี้ไทยแท้ ไม่มียุ่นปร คนใส่เสื้อสีแดง คืออาจารย์พ่อ (พ.ต.อ.พงษ์สันต์ คงตรีแก้ว นรต.32) ที่เคารพ
เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา SIFE
เป็นคนสัมภาษณ์คัดเลือกเราทุกคนให้มาร่วมทริป
แล้วก็เป็นเฮียชมรมประชาสัมพันธ์ด้วยล่ะ^^
Seto กัน Shunsuke
ตอนจะกลับ ก็ไปสักการะ ไหว้พระธาตุดอยสุเทพ
ดูสาธิตการเจียระไนพลอย
ละก็แวะทานอาหารไทยที่โรงแรม
เพื่อนชาวญี่ปุ่นน่ารักทุกคนเลยนะ
จากทริปนี้ เราได้เพื่อนใหม่
ทุกวันนี้ยังใช้เฟสบุ้คในการติดต่อกันอยู่^^
เซโตะจังกับน้องหยอย
เราเลยถ่ายกับพี่อู่เล่นๆ
ตอนนั้นกระแสพับเพียบไทยแลนด์กำลังมา เราก็ถ่ายรูปกับพี่อู่เล่นๆ
แต่ไปๆ มาๆ ยังไงไม่แน่ใจ เพิ่มเป็นแถวเลย
ขากลับพวก นรต. ก็นั่งเครื่องจากเชียงใหม่มาลงดอนเมือง
ส่วนเพื่อนญี่ปุ่น ก็ต้องเดินทางกันต่อ
จบแล้วทริปคิกขุอาโนเนะ
อ้อ ลืมไปอย่างนึง
เนื่องจากว่า โครงการอันนี้เนี่ย มีการประกาศประชาสัมพันธ์กว้างขวาง
เพื่อนในกองร้อยรู้ นายตำรวจปกครองรู้ พี่ช้างสารวัตรยิงปืนรู้
(ตอนนั้นมีสอบยิงปืนด้วย เรา,พี่อู่,แบงค์ ไปขอสอบก่อนพร้อมกัน 3 คน แต่เราไม่ผ่านคนเดียว -*-)
เลยต้องซื้อของมาถวายเป็นเครื่องบรรณาการ
อ่ะ จบทริปจริงๆละ
ร่ายมาซะยาวววว แล้วไหนอ่ะ.... MOYAMOYA คือรัย ไม่เห็นพูดถึงซ้ากกกที
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนเราแนะนำตัวในรถทัวร์ ก็มีเพื่อนเราคนนึงพูดว่า หยอย ออกมา
พี่ปู๊น วิทยากรคนจัดทริปของจุฬาฯเค้าก็แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นให้เพื่อนญี่ปุ่นฟัง
ก็เลยอ๋อกัน แล้วก็มีเสียงจากพวกญี่ปุ่นว่า โมหย่ะ โมหย่ะ โมหย่ะ ๆ ๆ ดังขึ้นๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะ
ไอ่เราก็งง เซโตะเลยอธิบายให้ฟัง เลยรู้ว่าเพื่อนญี่ปุ่นในกรุ๊ปนี้ มีคนนึง ฉายาว่า MOYA
ท่าทางเป็นตัวจี๊ดด้วย โดนเพื่อนล้อตลอดเลย 5555
เราเลยสงสัย เลยถาม Seto ว่า MOYA นี้คืออะไร แปลว่าอะไร ตูงง
Seto ผู้อ่อนโยนเค้าอธิบายว่า
MOYAMOYA (โมหย่ะโมหย่ะ) น่าจะจัดเป็นแสลง ในภาษาญี่ปุ่นนะ แปลว่า โคตรยุ่งรกรุงรัง มั่วอีตั้ว
เหมือนผมของเค้า หัวหยอยเหมือนฝอยขัดหม้อ พร้อมทำท่าประกอบ
เราเลยเข้าใจ 55555 ง่ายๆ ก็ความหมายเดียวกับ "หยอย" ในภาษาญี่ปุ่นนั่นแหละ
แต่ของเค้าจะใช้กับอะไรรกๆ ได้ด้วย เช่น ห้องรก รถรก ไม่เป็นระเบียบ
ส่วน "หยอย" ไทย มักใช้เรียกลักษณะของสิ่งอะไรซักอย่างที่เป็นเส้นๆ หยิกๆ หยองๆ
อยู่รวมๆ กันไม่เป็นระเบียบมากกว่า ไม่ใช้เรียกกับของลักษณะอื่นๆ
หยอยญี่ปุ่นเค้าน่ารักนะ นิสัยดี ชื่อจริงๆ น่าจะอ่านว่า ชุนสุเกะ โมริคาว่า ออกจะคิกขุมุ้งมิ้งนะ5555
เราก็เลยเอาคำนี้มาเป็นชื่อใหม่ของบล็อก
ฟังดูแล้วมันเท่ห์ เห็นแล้วมันเข้ากับเอกลักษณ์ของเราดี
อีกอย่าง บล็อคนี้ คิดว่าคงจะยุ่งๆ มั่วๆ หาสาระแทบไม่ได้ด้วย 555+
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เอ้อ พูดเรื่องสมัยเรียนแล้วสนุกดีนะ
ถ้าให้คุยก็คุยได้น้ำไหลไฟดับ
นี้ติดที่พิมพ์เรียบเรียงออกมาให้สละสลวยยังไม่ค่อยเป็น
ไม่งั้นจะยาวกว่านี้ (อ้าว 5555)
วันหลังค่อยมาเล่าใหม่ เรื่องเหล้า เอ้ย เรื่องเล่าเราเยอะ
........MOYAMOYAเมืองไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น