วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2563

Yayee Homemade

 


ช่วงนี้เริ่มหาอะไรทำเป็นธุรกิจเล็กๆ แล้วนะ

เริ่มต้นจากสิ่งที่ชอบ

ก็เป็นเบเกอรี่ และขนมขบเคี้ยว กินเล่นเพลินๆ

ระหว่างทำงาน ขับรถ ดูหนัง เม้ากับเพื่อน

ตอนนี้มีสินค้าอยู่ 2 อย่าง และกำลังทดลองอีก 1 อย่าง


ฝากร้านด้วยนะ

Yayee Homemade ใน Lazada

Yayee Homemade ใน Shopee


หรือแสกน QR Code นี้ จะไปที่ลาซาด้า










วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2563

เรื่องในอดีต

  หลายคนน่าจะมีอดีตที่ลืมไม่ได้
ทั้งเรื่องที่ทำให้ดีใจ และทำให้เสียใจ

เรื่องที่ทำให้ดีใจ ที่คิดถึงครั้งใดก็มีความสุข
มันทำให้หัวใจเราแช่มชื่น
แต่ว่าความรู้สึกสุข มันมักอยู่ในใจเราแค่ผิวเผิน
จกเว้นว่าเราสุขจากภายในของตัวเอง

แต่ความเสียใจนี่สิ
ความรู้สึกมันเข้มข้นกว่าความทุกข์มากมายนัก
เกาะกุมจิตใจเราได้เป็นเวลานาน
ส่วนใหญ่ที่เราเคยเจอ มันสร้างความรู้สึกเสียดาย
ถ้าตอนนั้น....นะ ตอนนี้ก็คงจะดีไปแล้ว...

แต่ถ้าที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เราทำเต็มที่แล้ว
อย่างน้อยครั้งหนึ่งเราได้พยายามอย่างถึงที่สุด
หมดความสามารถที่มี ที่เป็นแล้ว
เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจอะไรเลย
เพราะเราไม่ต้องเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา
ว่าถ้าตอนนั้น....นะ ตอนนี้ก็คงจะดีไปแล้ว

ทางกลับกัน
หลายคนได้รับโอกาสในการแก้ไข
แต่ไม่แก้ไข
แล้วมาคิดได้ในภายหลัง แล้วอยากย้อนกลับมาแก้ไขสิ่งนั้น
ถ้ากับเรื่องทั่วๆ ไปก็คงเข้าใจและรับได้ง่าย
แต่ถ้าเป็นเรื่องความรู้สึกและจิตใจล่ะ
วันเวลาที่ผันผ่าน ทำให้ความรู้สึกมันเปลี่ยนแปลงและจบลงแล้ว
การจะกลับมาแก้ไขอะไรคงไม่ทัน
ทุกอย่างเกิดขั้น ตั้งอยู่ ดับไป
ความรู้สึกก็เช่นกัน

ดังนั้น ถ้าหากรู้ว่าอะไรผิดพลาดไป ก็ควรแก้ไขเสียตอนที่ยังมีโอกาส ก่อนอะไรๆ มันจะสายเกินการ
https://drive.google.com/uc?export=view&id=1T8jY7eYPpemoTUFLz89pXUa9-r_DVhPX

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2563

ความลับ



ก็รู้เป็นไปไม่ได้ มันฝืนในความรู้สึก
ในส่วนลึก ฉันรู้เธอมีเขาอยู่
ก็รู้ในความเป็นจริง แต่ก็ยังจะแอบเฝ้าดู
ทั้งๆ ที่รู้ เป็นได้แค่เพียงเท่านั้น


แค่ชู้ทางใจที่ทำได้ เมื่อหัวใจเธอไม่ให้
จะเก็บไว้ ให้คนที่เธอรักกันมานาน
ก็รู้เป็นเพียงแค่ทางผ่าน ไม่มีวันจะเดินร่วมทาง
เพราะเธอกันฉันเป็นเหมือนดังเส้นขนาน


แอบฝันเล็กๆ ในใจ ไม่ได้มีความหมาย
ให้เราผูกพัน และรักกันไปอย่างนั้น
ผิดที่เราเจอกันช้า...ไป ไม่มีวันจะมารักกัน
เป็นแค่ความลับ ที่ฉันและเธอซ่อนไว้ในใจ


ผิดที่เราไม่ยอมห้ามใจ ไม่จำเป็นต้องไปโทษใคร
เมื่อผลสุดท้าย คนที่ต้องเจ็บคือฉันคนเดียว
แค่ชู้ทางใจที่ทำได้ เมื่อหัวใจเธอไม่ให้
จะเก็บไว้ให้คนที่เธอรักกันมานาน


ก็รู้เป็นเพียงแค่ทางผ่าน ไม่มีวันจะเดินร่วมทาง
เพราะเธอกันฉันเป็นเหมือนดังเส้นขนาน
แอบฝันเล็กๆ ในใจ ไม่ได้มีความหมาย
ให้เราผูกพันและรักกันไปอย่างนั้น


ผิดที่เราเจอกันช้า...ไป ไม่มีวันจะมารักกัน
เป็นแค่ความลับที่ฉันและเธอซ่อนไว้ในใจ
ผิดที่เราไม่ยอมห้ามใจ ไม่จำเป็นต้องไปโทษใคร
เมื่อผลสุดท้าย คนที่ต้องเจ็บ คือฉันคนเดียว


เป็นแค่ความลับที่ฉันและเธอซ่อนไว้ในใจ
ไม่มีใครจะรู้ ได้แต่เก็บเอาไว้ในหัวใจ
เมื่อผลสุดท้าย คนที่ต้องเจ็บ คือฉันคนเดียว




==========



ฟังแล้วแอบน้ำตาไหลเหมือนกันนะ

มันผิดที่เราเจอกันช้าไป


ก็ได้แต่หวังว่า เราจะสมหวังในความรักในสักวัน...


เช็ดน้ำตาแล้วไปถูบ้านละ

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2563

อีกตามเคย

...บ่อยครั้งที่อะไรๆไม่เป็นไปดั่งใจ
บ่อยครั้งที่เดาอะไรแล้วถูก(ในแง่ลบ)
พอเจอหลายๆครั้งเข้า มันก็หัวเสียได้ง่ายขึ้น
ดุจเดียวกับที่เราเก่งขึ้นแหละ
- เก่งขึ้น (ด้านบวก) จะผ่านอะไรยากๆ ได้ง่ายขึ้น
- ขี้หงุดหงิดขึ้น (ด้านลบ) มันมาจากการที่เจอเรื่องหัวเสียซ้ำๆ
โดยเฉพาะการได้รับคำมั่นสัญญาแล้วแต่ไม่ได้รับการปฏิบัติตามที่พูด มันอาจจะน่าฟังในเวลานั้นนะ แต่มันก็สร้างความหวังอยู่ลึกๆ


เราว่า ในโลกนี้คงไม่มีใครชอบคนที่ไม่รักษาคำพูด
แต่อันที่จริง ไม่ว่าจะจำเป็นหรือตั้งใจ
เราไม่ควรพูดให้ความหวังกันมากกว่า


พอเจอแบบเดิมหลายๆครั้งเข้า มันก็จะทำให้เดาตอนจบออกได้ไม่ยาก เพราะมันก็ไม่หนีจากเดิมนัก


ใจเราอยากให้ตอนจบที่เดาเอาไว้มันไม่ถูกบ้าง...
อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นด้านที่ดีๆ บ้าง
อยากสัมผัสความรู้สึกดีๆ บ้าง
แต่วันนี้ ก็เดาถูก

“อีกตามเคย”



.

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2563

เก่งขึ้น

 คนเราจะเก่งขึ้นด้วยอะไร?

แน่นอนแหละว่าการเรียนหนังสือ
การพัฒนาตัวเองด้วยการศึกษา
เป็นสิ่งที่ทำให้เก่งขึ้นแน่ๆ (ถ้าตั้งใจนะ)



แต่มันจะมีอีกอย่าง ที่มาบังคับให้เราเก่งขึ้น
แบบภาคบังคับนะ ไม่ใช่สมัครใจเหมือนการศึกษา

นั่นก็คือ



  "ประสบการณ์"


ประสบการณ์แบบที่เข้ามาในชีวิต
แล้วเราจำเป็นต้องผ่านมันไปให้ได้นั่นแหละ



เคยได้ยินมาตลอดว่า
ประสบการณ์จากสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
คือบทเรียนของเรา



ซึ่งก็ไม่เคยเข้าใจถ่องแท้จนกระทั่งถึงวันนี้

วันที่เข้าใจมันจริงๆ เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
เป็นบททดสอบของเราหลายๆ ด้าน
ทั้งร่างกาย จิตใจ สมอง



เหมือนวลีที่เค้าพูดกันว่า "ท้อเป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร"



คือจริงๆ แล้วอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามามันก็ไม่ได้ทำให้เราเป็นเพชรขนาดนั้น เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่ เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้ ไง มันยังมีวันต่อๆ ไปอีก
และจะเจอสิ่งที่ยากขึ้นไปอีก



และถ้าเราเจออุปสรรคแบบที่เราเคยเจอในทำนองเดียวกันมาแล้ว
เราจะผ่านมันไปได้ง่ายขึ้น

อุปมาอุปไมยกับการเรียนละกัน จะได้เห็นภาพง่ายๆ
ตอนเรียน ม.ต้น ก็คิดว่าบทเรียนตรีโกณมิติในวิชาเลขแม่งยากเชรี่ยๆแล้ว
แต่พอมาเรียนม.ปลาย นอกจากวิชาเลข ยังมีฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ที่ยากกว่าไปมากกก ทำให้เรามองวิชาเลขตอน ม.ต้น ง่ายไปเลย 5555



แต่สิ่งที่พูดถึงในบล็อกนี้คือ อุปสรรคของชีวิตจริง
มันคือของจริง ที่เข้ามาทดสอบเรา



ถ้าเราเจออุปสรรค ความยากที่เข้ามาทดสอบเรา
แล้วเราผ่านได้ น่าจะแสดงว่าเรา level up อีกขั้น

ก่อนจะถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกคนล้วนเปียกปอน

คนที่สำเร็จ ก็ต้องเจออุปสรรคกันมาทั้งนั้น




====ประสบการณ์ของเราในวันนี้====


วันนี้เราทำงานในสิ่งที่เป็นงานของคนเก่า แบบเก่ามากๆ
ซึ่งมันค้างมานานมากแล้ว รับสารภาพเลยนะว่าตอนรับมาทำนั้นกระอักกระอ่วนมาก

รู้สึกโดดเดี่ยว เคว้งคว้าง ท้อแท้ และเสียน้ำตาให้มันเยอะเหมือนกัน
เพราะคิดแต่ว่ามันเป็นงานกลุ่ม แต่เราต้องมาเป็นคนแบก คนทำอยู่คนเดียว ไม่ยุติธรรมเลย



แต่วันนี้ เรากัดฟันทำพาร์ทที่หนักอึ้งที่สุดในใจเราได้แล้ว
เราทำมันได้สำเร็จ สำเร็จแบบสวยงามด้วย

คือที่จริง ถ้าเรายอมทำแต่แรกอะมันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก



เราปรับทัศนคติของตัวเอง
ก็เลยรู้ว่า ที่จริงคนอื่นๆ ก็คอยเอาใจช่วย คอยถามไถ่ คอยเป็นห่วง
วันนี้เค้าทั้งหลายก็มาช่วยเรา ก็ช่วยตั้งแต่ต้นจนจบเลยล่ะ อุ่นใจมาก 5555



แต่สิ่งที่รั้งเราไว้ไม่ให้ทำสักทีก็คือความกังวลของเราเองนี่แหละ
มันสร้างความรู้สึกที่แย่มากนะ
และมันก็เป็นอุปสรรคที่ขัดขวางความสำเร็จจริงๆ ด้วย



ในวันนี้เราทำมันได้แล้ว เราก้าวผ่านอุปสรรคคือใจของเรา
เราสามารถผ่านมันไปได้

ประสบการณ์ตรงนี้แหละ มันจะทำให้เราเก่งขึ้น



ยิ้มภูมิใจตบมือให้ตัวเอง
เก่งมากๆ เลยนะ

"คนเก่งของฉัน"








ต่างมุมมอง

ตั้งแต่มีเรื่องเรื้อรังกลางกรุงเทพฯ

ก็ทำให้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น



เป็นต้นว่า
ได้คุยกับคนที่มองต่างมุม

มันทำให้รู้สึกขุ่นๆ ในใจ
และไม่สามารถทำอะไรให้คนเหล่านั้นหันมามองมุมของเรา
ซึ่งเราได้คิดแล้วว่ามันถูกต้อง....

ถามว่า ถ้าคนเหล่านั้นมองเรา
เค้าก็คงคิดเหมือนเราเหมือนกัน....
เค้าก็คงรู้สึกขุ่นๆ ในใจ
และไม่สามารถทำอะไรให้เรา หันไปมองในมุมของเค้า
ซึ่งเค้าได้คิดแล้วว่ามันถูกต้อง....


ตามหลักจิตวิทยา
ข่าวแรกที่ได้ยิน หรือสิ่งแรกที่ได้ฟัง
จะฝังใจมากที่สุด....

ตัวอย่างเช่น เด็กที่ไปโรงเรียนอนุบาล
พอคุยกับเพื่อน แล้วเพื่อนพูดเรื่องอะไรที่ตัวเองไม่เคยได้ยินขึ้นมา
ก็จะจำฝังใจ
แล้วกลับบ้านมาถามแม่ พอแม่บอกว่าไม่ใช่
ก็จะเถียง
จนกว่าจะพิสูจน์ได้เอง
ถึงจะเชื่อแม่.....


ตอนนี้ก็เหมือนกัน

ทุกฝ่ายต่างประโคมข่าวให้ฝ่ายตรงข้ามตกเป็นจำเลย
เค้าโครงความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่สน
แต่เล่นข่าวอย่างเดียว
( IO : Informaition Operation)
เป็นวิธีของการทำให้ข่าวสะพัด


จนกว่าจะมีข่าวอีกอย่าง ที่มันมาชนกัน เราถึงรู้

ตัวอย่างเช่น เมื่อวาน
มีข่าวว่าแกนนำม็อบถูกจับตัวได้แล้วเอาขึ้น ฮ. ไปสอบสวนแถบชายแดนฯ  แหล่งข่าว ข.
อีกข่าว มาอีกทาง ก็แจ้งว่า แกนนำม็อบ ป่วยหนัก ต้องหามส่งโรงพยาบาลฯ  แหล่งข่าว ข. เหมือนกัน

เหล่านี้ สื่ออะไร
ข่าวทั้งสองข่าวนี้ไม่มีความจริงเลย
แกนนำยังออกมาเย้วๆ ได้เหมือนเดิม ด่าฝ่ายตรงข้ามได้เหมือนเดิม
ไม่เห็นมีทีท่าความกลัวหรือทีท่าอิดโรย ป่วย แต่อย่างใด



อยากบอกทุกท่านได้รู้ว่า
การใช้ IO สามารถใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ

ประชาชนที่หลงเชื่อข่าว ก็หน้ามืดตามัว
ม็อบอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ







บล็อกนี้อาจโพสต์แรง
หากแต่อยากจะเตือนสติ
กลับมารักกันได้ไหมคนไทย

และขอให้เข้าใจการทำงานของตำรวจด้วย
พลีสสสส




........แกะน้อยตัวจ้อยๆ อยากสอยดาว